เรียน AI ที่จีน ดีไหม? คู่มือสำหรับนักเรียนไทย 2025

เรียน AI ที่จีน ดีไหม? คู่มือสำหรับนักเรียนไทย 2025

     ในยุคที่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) กำลังเข้ามามีบทบาทแทบทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, รถยนต์ไร้คนขับ, การแพทย์, ธุรกิจออนไลน์ ไปจนถึงการเงิน ทำให้ AI กลายเป็นหนึ่งในสาขาวิชาที่มาแรงที่สุดในโลก และถูกจับตามองว่าเป็น “สาขาแห่งอนาคต” ที่สร้างอาชีพและรายได้มหาศาล

     ประเทศจีนถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน AI ระดับโลก ทั้งในเชิงการวิจัย การลงทุน และการประยุกต์ใช้จริง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา เทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Facial Recognition), ระบบ Recommendation ของ E-commerce, หุ่นยนต์, การเงินดิจิทัล และ Smart City จีนก้าวขึ้นมาเป็น AI Superpower ที่ทัดเทียมกับสหรัฐอเมริกา

     ดังนั้นการเลือกไป เรียนต่อสาขา AI ที่ประเทศจีน จึงไม่ใช่เพียงแค่การเรียนรู้ทฤษฎี แต่ยังได้สัมผัสการประยุกต์ใช้จริงจากประเทศที่ลงทุนมหาศาลด้านนี้ เหมาะสำหรับนักเรียนไทยที่อยากก้าวเข้าสู่วงการเทคโนโลยีระดับโลก


ทำไมต้องเรียน AI ที่จีน?

  1. จีนคือศูนย์กลาง AI ของโลก

    • รัฐบาลจีนประกาศชัดเจนว่าจะเป็นผู้นำด้าน AI ภายในปี 2030

    • เมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้, เซินเจิ้น ลงทุนมหาศาลใน AI Ecosystem

    • บริษัทชั้นนำ เช่น Alibaba, Tencent, Baidu เป็นตัวจริงด้าน AI ที่มีโครงการร่วมกับมหาวิทยาลัย

  2. มหาวิทยาลัยจีนติดอันดับโลก

    • หลายมหาวิทยาลัยจีนติด Top 50 ของโลกด้าน Computer Science และ AI เช่น Tsinghua, Peking, Shanghai Jiao Tong, Zhejiang

    • หลักสูตร AI มีทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ นักเรียนต่างชาติสามารถเรียนได้

  3. ค่าเทอมและค่าครองชีพถูกกว่าตะวันตก

    • เทียบกับสหรัฐฯ หรืออังกฤษ ค่าเทอมถูกกว่าหลายเท่า

    • ค่าใช้จ่ายต่อปีรวมที่พัก อาหาร การเดินทาง อยู่ที่ประมาณ 200,000–300,000 บาท/ปี

  4. โอกาสทำงานและฝึกงานสูง

    • จีนมีบริษัทเทคโนโลยีจำนวนมหาศาลที่ต้องการบุคลากร AI

    • นักเรียนต่างชาติที่จบด้าน AI มีโอกาสฝึกงานกับบริษัทใหญ่ ๆ และทำงานเชื่อมต่อธุรกิจจีน-อาเซียน


มหาวิทยาลัยจีนที่เปิดสอน AI ระดับท็อป

  1. Tsinghua University (ปักกิ่ง)

    • ได้ชื่อว่าเป็น “MIT ของจีน”

    • ติดอันดับ Top 10 ของโลกด้าน Computer Science

    • หลักสูตร AI ครอบคลุม Machine Learning, Computer Vision, Robotics, Data Mining

  2. Peking University (PKU)

    • จุดเด่นด้านการวิจัย AI พื้นฐาน (Core AI Research)

    • มีห้องแล็บที่ทำงานร่วมกับ Baidu และ Microsoft Research Asia

  3. Shanghai Jiao Tong University (SJTU)

    • แข็งแกร่งด้าน AI ประยุกต์ โดยเฉพาะ AI ในการแพทย์และอุตสาหกรรม

    • เป็นพันธมิตรกับ Huawei, Tencent

  4. Zhejiang University

    • โดดเด่นด้าน Robotics และ AI for Smart Manufacturing

    • เมืองหางโจวเป็นที่ตั้งของ Alibaba ทำให้มีโอกาสฝึกงานสูง

  5. University of Science and Technology of China (USTC)

    • เน้นวิจัยลึกด้าน AI เชิงทฤษฎีและ Quantum Computing


ค่าเทอมและค่าใช้จ่าย

  • ค่าเทอม:

    • ระดับปริญญาตรี: 25,000 – 60,000 RMB/ปี (ประมาณ 120,000 – 300,000 บาท)

    • ระดับปริญญาโท: 30,000 – 80,000 RMB/ปี

    • หลักสูตร International (ภาษาอังกฤษ) จะแพงกว่าหลักสูตรจีน

  • ค่าครองชีพ:

    • ปักกิ่ง/เซี่ยงไฮ้: 6,000 – 8,000 RMB/เดือน

    • เมืองรอง เช่น หางโจว, ฉงชิ่ง: 3,500 – 5,000 RMB/เดือน

    • เฉลี่ยแล้วค่าใช้จ่ายต่อปีรวมที่พัก + อาหาร + เดินทาง ประมาณ 200,000 – 300,000 บาท


โอกาสทำงานหลังเรียนจบ

  1. สายงานยอดนิยม

    • AI Engineer / Machine Learning Engineer

    • Data Scientist / Data Analyst

    • Computer Vision Specialist

    • NLP Engineer (Natural Language Processing)

    • Robotics Engineer

  2. เงินเดือนเริ่มต้น

    • จีน: เฉลี่ย 250,000 – 500,000 บาท/ปี สำหรับนักศึกษาจบใหม่

    • ไทย: หากกลับมาไทย เงินเดือนเริ่มต้นในสาย AI/Data สูงกว่าเฉลี่ยปกติ (30,000–60,000 บาท/เดือน) และเติบโตเร็ว

  3. โอกาสระดับโลก

    • ประสบการณ์เรียนและทำงานในจีน ทำให้ต่อยอดไปทำงานในบริษัทระดับโลก เช่น Google, Microsoft, ByteDance, Huawei


คุณสมบัติและการสมัครเรียน

  • ปริญญาตรี

    • จบ ม.6 / High School Diploma

    • มีผลสอบ HSK ระดับ 4–5 (ถ้าเรียนเป็นภาษาจีน)

    • IELTS/TOEFL (ถ้าเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ)

  • ปริญญาโท/เอก

    • จบปริญญาตรีสายวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์ วิศวกรรม หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง

    • Transcript ที่ดี และแนะนำให้มี Portfolio / Research Proposal

  • เอกสารทั่วไป

    • พาสปอร์ต, ใบรับรองสุขภาพ, Recommendation Letter, Statement of Purpose


เคล็ดลับสำหรับนักเรียนไทย

  1. เรียนภาษาจีนไว้ล่วงหน้า แม้จะเรียนหลักสูตรอังกฤษ แต่ชีวิตประจำวันต้องใช้ภาษาจีน

  2. เตรียม Portfolio โปรเจกต์ AI เล็ก ๆ เช่น Data Analysis หรือ Machine Learning Model

  3. เลือกเมืองให้เหมาะกับงบ — เมืองใหญ่แพงกว่า แต่โอกาสฝึกงานมากกว่า

  4. สมัครทุนรัฐบาลจีน (CSC) หรือทุนมหาวิทยาลัยเพื่อลดค่าใช้จ่าย


     การเรียน AI ที่ประเทศจีน ถือว่าเป็นโอกาสทองสำหรับนักเรียนไทยที่อยากเข้าสู่วงการเทคโนโลยีระดับโลก เพราะจีนคือผู้นำด้าน AI ทั้งการวิจัยและการใช้งานจริง ค่าใช้จ่ายไม่สูงเกินไป และมีมหาวิทยาลัยระดับโลกให้เลือกมากมาย

ไม่ว่าคุณจะอยากทำงานในจีน กลับมาไทย หรือไปต่อระดับโลก การเรียนต่อจีนด้าน AI จะเป็น ใบเบิกทางสู่อนาคต ที่มีมูลค่าสูงอย่างแน่นอน

Share :

Related post